ร่วมค้นหาวิธีปล่อยวางความสมบูรณ์แบบและเรียนรู้ว่า "สิ่งที่ดีที่สุดของคุณนั้น ดีพอแล้ว"
ความเครียดที่สําคัญสําหรับผู้หญิงหลายคน คือ การแสวงหาวิธีเพื่อให้บรรลุความสมบูรณ์แบบ ชีวิตของคุณอาจขับเคลื่อนให้ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน ทำชีวิตให้ยุ่ง ก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เพื่อคุณจะได้บอกตัวเองว่า "ฉันต้องทําทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ" แต่คุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่า คุณอาจจะกำลังกลัวที่จะพ่ายแพ้ต่อการไม่บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ และด้วยเหตุนี้ คุณจะรู้สึกกลัวว่า “คุณไม่เคยทําอะไรได้ดีพอ” ฮิลารี ซิมส์อธิบายไว้ว่า ยาแก้พิษร้ายนี้ก็คือ “การเรียนรู้ที่จะยอมรับว่า สิ่งที่ดีที่สุดของคุณนั้น ดีพอแล้ว”
แล้วต้องทำอย่างไร
การขุดเอาโปรแกรมที่ฝังหัวเราไว้ว่า "ความสมบูรณ์แบบ' ออกนั้นเป็นกุญแจสําคัญ
‘โปรแกรมนี้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่เราเรียนรู้จากพ่อแม่ของเราตั้งแต่อายุยังน้อย' ซิมส์อธิบาย 'การทำให้ดีที่สุดน่าจะดีพอแล้ว แต่บางครั้ง คำพูดที่คุณซึมซับมา อาจทําให้คุณคิดว่า คุณยังทําได้ไม่ดีพอ'
คุณซิมส์แนะนําว่า ขั้นตอนเหล่านี้ จะจัดการกับโปรแกรม 'ความสมบูรณ์แบบ' ได้
ฝึกให้ตัวคุณพอใจในตนเอง แทนที่จะพึ่งพาเสียงจากผู้อื่นเพื่อบอกคุณว่า คุณทําได้ดีแล้ว
เรียนรู้ที่จะชื่นชมสิ่งที่คุณทำสําเร็จ (ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่) แทนที่จะมองไปในสิ่งที่คุณยังไม่ได้ทําเครื่องหมายถูกบน to do list
รับรู้และชื่นชมตัวคุณเอง เมื่อคุณทําดีที่สุดแล้วและไม่จําเป็นต้องทํามันอีกต่อไป มันคือ การเรียนรู้ที่จะภูมิใจในตัวเองในแบบที่คุณเป็น ไม่ใช่คนที่คุณพยายามจะเป็น
ลองนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่คุณนําผลสอบของโรงเรียนกลับบ้าน บางทีคุณอาจได้เกรดที่ดีแล้ว แต่พ่อแม่ของคุณอาจจะยังบอกว่า คุณน่าจะทำคะแนนได้มากกว่านี้ ถ้าคุณอ่านหรือทบทวนบทเรียนเพิ่ม 'ผู้ปกครองเน้นไปที่สิ่งที่คุณยังไม่ประสบความสําเร็จมากกว่าสิ่งที่คุณมี' คุณซิมส์ ชี้ให้เราเห็น
'สิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่อาจทําให้เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทํานั้นไม่ดีพอ และในกาสอบครั้งต่อไปเราอาจกดดันตัวเองให้ประสบความสําเร็จมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงเราสามารถทําให้ดีที่สุดได้เท่านั้น'
โปรแกรม 'ความสมบูรณ์แบบ' นี้ สามารถกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ได้เช่นกัน ลองนึกภาพว่า คุณมีงานบ้านต้องทำมากมาย แต่คุณก็ยังรู้สึกว่า คุณทำมันได้ไม่ดีสักอย่าง แล้วถ้าคุณยังจะใช้เวลาบางส่วนในการดูแลตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก คุณอาจรู้สึกผิดกับตัวเอง ถึงแม้ว่า การดูแลตัวเองจะช่วยเยียวยาจิตใจได้ แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
สิ่งที่ดีที่สุดของคุณนั้น ดีพอแล้ว
ความเครียดสามารถทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วสําหรับผู้หญิงในยุคที่มีภาระหลากหลายในสังคมปัจจุบัน เช่น ต้องดูแลลูกและพ่อแม่ที่แก่ชราไปพร้อมๆ กัน
เราจะทำอย่างไรในภาวะที่วุ่นวายของสังคมปัจจุบัน โดยไม่ยอมแพ้ต่อความเครียดที่เพิ่มเติมเข้ามา?
'ไม่มีใครคาดหวังว่า จะให้คุณเป็นวันเดอร์วูแมน' คุณซิมส์กว่าว แต่เรามักจะคาดหวังสิ่งนั้นจากตัวเราเอง คุณซิมส์แนะนําให้ เราเรียนรู้ที่จะ "รู้ตัว" ว่า ‘สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลายอย่างพร้อมกันนั้น มันอาจกำลังจะเกินขีดจำกัดของตัวเราแล้ว’
'ทํารายการสิ่งที่คุณต้องทําและดูว่าคุณจะสามารถขอความช่วยเหลือจากใครรอบๆ ตัวได้บ้าง บอกครอบครัวว่า สิ่งใดที่ทําให้คุณเครียดมากขึ้นและขอให้พวกเขาช่วย หากคุณไม่สามารถทําความสะอาดทุกอย่างหรือทํางานทั้งหมดของคุณให้เสร็จในหนึ่งสัปดาห์ได้ ให้กระจายออกไปหลายสัปดาห์ และจําไว้ว่า การที่มีคนมาเยี่ยมคุณที่บ้าน พวกเขาอยากมาพบคุณ ไม่ใช่งานบ้านที่คุณทำแล้วหรือยังไม่ได้ทํา'
การยอมรับว่าสิ่งที่ดีที่สุดของคุณนั้น ดีพอ เป็นสิ่งที่สําคัญอย่างยิ่ง
สําหรับคุณซิมส์ นี่คือการลดความคาดหวัง ที่มีต่อตัวเธอเอง ในช่วงของการปรับความคิดนี้ คุณซิมส์อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามอย่างที่เคยทำได้ แต่เธอจึงเลือกที่จะปล่อยวางบางอย่างเพื่อให้ชีวิตเครียดน้อยลง
ฉันจะกระจายแบ่งสิ่งที่ฉันสามารถให้คนอื่นทำแทนได้ ฉันเปลี่ยนที่ออกกำลังกายเพื่อเดินเล่นในมื้อกลางวันช้าๆ ทุกวัน และฉันฟังหนังสือเสียงขณะเดินเพราะฉันคุ้นเคยกับหนังสือก่อนนอนมากเกินไป แต่พลาดการคลายเครียดจากการอ่าน
เหนือสิ่งอื่นใดฉันหยุด ก่อนที่ฉันจะรู้สึกว่าไม่ไหว
บางครั้งฉันเลือกที่จะพัก แทนการทำงานบ้าน เช่น การพับผ้า ทั้งหมดทั้งปวง ต้องใช้การฝึกฝนและใช้เวลาในการพยายามลดความเครียด หรือเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณโตมาแบบที่รู้สึกว่า คุณต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ทำได้ตลอดเวลา
การปล่อยวาง คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ว่า มันคือความลับของชีวิตที่ทำให้เครียดน้อยลง สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอก เพราะเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
แปลและเรียบเรียงจาก : https://www.psychologies.co.uk/how-to-let-go-of-perfection/
Comments